รูปที่ 1 เป็นแบบบานซึ่งเราจะเห็นdetailแล้วว่า กรอบบานทั้งหมดนั้นทำจากไม้สักขนาด1"*2" จริงๆเราอาจจะใช้กรอบบานไม้สักใหญ่กว่านี้ก็ได้ คงขึ้นอยู่กับการออกแบบ ดีไซน์เนอร์บางท่านก็ออกแบบ 1"*3" หรือ 1"*4" อันนี้ก็แล้วแต่ดีไซน์ของแต่ละท่านว่ากันไป แต่จุดหลักก็คือกรอบบานโดยรอบนั้นต้องใช้ไม้สักจริงเ ท่านั้น ส่วนลูกฟักนั้นเราก็ใช้ไม้อัดสัก เว้นเสียแต่ว่าลูกค้าจะรวยรวยและรวย บางท่านก็จะให้ใช้ไม้สักจริงทำ ทีนี้ฝากคิดไว้หน่อยว่าในส่วนลูกฟักถ้าเอาไม้สักจริง ต้องใช้ไม้หน้าใหญ่มาก ยกตัวอย่างสักหน่อย สมมุติว่าเราทำบานตู้ขนาดกว้าง 0.50ม. หลังจากเราขึ้นกรอบบานแล้ว ก็หักกรอบบานไปข้างละ 2 นิ้วรวม4นิ้ว ก็ประมาณ0.10ม. ทีนี้ก็จะเหลือส่วนลูกฟักประมาณ 0.40ม. ซึ่งก็ต้องใช้ไม้ความกว้างประมาณ หน้า 1"*16" ราคาไม้สักหน้ากว้าง 16" มันราคาสูงมาก จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนเคยสั่งราคาตกคิวบิกฟุตละ 6,000บาท เพราะฉะนั้นถ้าลูกค้าไม่รวยจริง ห้ามspec โดยเด็ดขาด ...!(หมายถึงกรณีส่วนที่เป็นลูกฟักใช้ไม้จริงน๊ะ)มาดูรูปต่อไปครับ
1. ต้องการให้งานรับเหมาราคาถูก โดยแจ้งเจ้าของงานไว้ก่อน
2. ไม่ยอมแจ้งเจ้าของบ้านแต่ทำเพราะต้องการกำไรเยอะๆ
3. เจ้าของบ้านพูดไม่เพราะ ด่าเก่ง จ่ายเงินช้า ผู้รับเหมาเลยตั้งใจโกงซะเลย เรียกว่าเจ้าของบ้านกระพริบตาเมื่อไหร่เป็นของผิดspecเมื่อนั้น
4. ดีไซน์เนอร์ไม่เข้าไปตรวจงาน ผู้รับเหมาเห็นว่าเจ้าของบ้านไม่รู้เรื่อง ก็เลยโกงอีกเช่นเคย
5. เจ้าของบ้านรสนิยมสูง แต่รายได้ต่ำงานmodern เรียบๆถูกๆไม่เอา อยากได้หลุยส์ อยากได้วิคตอเรี่ยน ผู้รับเหมาก็เลยบันดาลให้ กลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยจ้างดีไซน์เนอร์ก่อน จะจ้างผู้รับเหมาเลยเพราะว่าสั่งแล้วทำ โดยผู้รับเหมาก็ไปจ้างช่างแบบทำต่อให้อีกที เขียนแบบประกอบรายการสัญญาไป ถ้าไปเจอดีไซน์เนอร์บางทีดีไซน์เนอร์เสนอแบบและงบประ มาณไปแล้ว เงินไม่มีสู้ไม่ไหว ท่านเจ้าของบ้านอาจจะปั้นหน้าไม่ถูก และเสียฟอร์ม รวมทั้งอาจจะโดนดีไซน์เนอร์รสนิยมดีบางท่านมองหน้า มองหน้า และยิ้มมุมปาก(แถมอาจจะคิดในใจว่า ไม่มีเงินแล้วสั่งให้ออกแบบได้ไงฟ่ะ)
